ชาว OSIM THAI เคยถามตัวเองบ้างไหมคะ ว่าในหนึ่งใช้เวลาหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลาทั้งหมดกี่ชั่วโมง ?? บางคนเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่เริ่มเข้าออฟฟิศตั้งแต่ 8โมงเช้า จนเวลาเลิกงาน รวมๆแล้วก็ประมาน 7-8 ชั่วโมง เมื่อกลับมาถึงบ้านบางคนก็เอางานกลับมาทำ บางคนก็ใช้คอมพิวเตอร์ในการคลายเครียดท่องอินเตอร์ เล่นเกมส์ลากยาวไปจนถึงเที่ยงคืน! นับๆ ดูแล้วบางคนต้องใช้เวลาหน้าจอคอมพิวเตอร์ถึง 10-11 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว! .....แล้วเคยสังเกตตัวเองบ้างไหมคะว่า เวลาที่เรานั่งใช้คอมพิวเตอร์ไปนานๆ เนี่ย เรามักจะมีอาการปวดไหล่ ปวดคอ และปวดหลัง รวมถึงอาการปวดหัวและปวดตาด้วย! นั่นคือผลของการใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานานเกินไปนั่นเอง งั้นเราลองมาทำความรู้จักกับโรคที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานคอมพิวเตอร์และมาหาแนวทางป้องกันไปพร้อมๆ กันดีกว่าคะ
1.โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpel Tunnel Syndrome)
อาการของโรคนี้คือปวดร้าวบริเวณข้อมือ ฝ่ามือ และนิ้วมือ บางคนอาจมีอาการชา กำมือแน่นๆ ไม่ได้ หยิบจับของแล้วทำร่วงหล่นตลอด สาเหตุของโรคนี้เกิดจากท่าทางการวางมือขณะที่เราจับเมาส์และแป้นคีย์บอร์ดค่ะ ด้วยความเคยชินทำให้สาวๆ หลายคนวางมือในท่า “กระดกข้อมือ” ค้างไว้เวลาใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการข้อมืออักเสบขึ้นได้
วิธีแก้
ต้องปรับเปลี่ยนท่านั่งและการวางมือเวลาใช้คอมพิวเตอร์ให้ถูกต้อง โดยท่าวางมือที่ถูกต้องขณะใช้คอมพิวเตอร์ก็คือ ต้องวางมือให้ขนานไปกับพื้นโต๊ะ ไม่งอหรือกระดกข้อมือเวลาที่ใช้เม้าส์และแป้นคีย์บอร์ด นอกจากนี้ ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรลุกไปพักบ้างทุกๆ 1 ชั่วโมงเพื่อเป็นการเปลี่ยนอิริยาบถค่ะ
แต่ถ้าอาการต่างๆ ยังไม่ทุเลาลง แนะนำว่าควรไปปรึกษาคุณหมอดีกว่า เพราะบางคนอาจต้องรักษาด้วยวิธีการกายภาพบำบัดหรือผ่าตัด ทางที่ดีคือควรรีบสังเกตอาการของตัวเอง และไม่ควรนิ่งนอนใจ รีบไปพบคุณหมอจะดีกว่า
2.อาการปวดหลัง (Back Pain)
อาการปวดหลังมักเกิดจากการนั่งผิดท่าเป็น เวลานาน รวมถึงท่านั่งที่ไม่สบายเวลาใช้คอมพิวเตอร์ หลายคนชอบนั่งไขว่ห้างเวลาใช้คอมพิวเตอร์ รู้รึเปล่าเอ่ยว่า...ท่านั่งไขว่ห้างเนี่ยทำให้ปวดหลังสุดๆ เลย ถ้าไม่อยากปวดหลัง เราต้องเริ่มกันที่ท่านั่งที่ถูกต้องในการใช้คอมพิวเตอร์...
วิธีแก้
ท่านั่งในการใช้คอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง
3.โรคเกี่ยวกับสายตา (Computer Vision Syndrome)
เวลาที่เราต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ มีใครมีอาการตาพร่าหรือปวดตาบ้างมั้ยคะ?? อาการปวดตาเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์นานเกินไป บางคนอาจมีอาการน้ำตาไหล ปวดศีรษะ และตาแดงร่วมด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าเราใช้คอมพิวเตอร์นานเกินไป! จริงๆ แล้ว เราควรพักสายอย่างน้อยทุกๆ หนึ่งชั่วโมงด้วยการนั่งหลับตาซักพัก หรือลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาซักสิบนาทีแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจัดท่านั่งและระยะการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ส่วนคนไหนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ อย่าลืมพักสายตาบ่อยๆ ถ้ามีอาการปวดตาร่วมกับปวดหัวด้วย ควรไปตรวจวัดสายตา เพราะสายตาอาจจะสั้นขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ถ้าตัดแว่นแล้ว พักสายตาก็แล้ว อาการปวดตายังไม่ดีขึ้น ควรไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุและรีบทำการรักษา เรามีดวงตาเพียงแค่คู่เดียว เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลรักษาดวงตาของเราให้ดีที่สุดนะคะ
อาการปวดหัวมักเกิดขึ้นบ่อยๆ กับคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ สาเหตุหลักๆ มักเกิดจากความเครียด การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แสงหน้าจอคอมพิวเตอร์สว่างมากเกินไป รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวขึ้นได้ทั้งสิ้น ถ้าเราจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เราต้องมีวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการปวดหัว
5.โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
นอกจากปัญหาของความเครียดและอาการปวดหัวแล้ว ปัญหาการนอนไม่หลับจากการใช้คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนเป็นอยู่แต่อาจจะไม่รู้ตัว มีการวิจัยแล้วพบว่าความสว่างของหน้าจอมีผลต่อการนอนไม่หลับด้วย! จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่การใช้คอมพิวเตอร์ แต่รวมถึงการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตต่างๆ อีกด้วย
เมลาโทนิน (Melatonin) คือฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมการนอนหลับและเวลาตื่นของมนุษย์ จากการศึกษาของนักวิจัยพบว่าการที่เราสัมผัสกับแสงของหน้าจอ คอมพิวเตอร์/โทรศัพท์ต่างๆ ทำให้จำนวนของเมลาโทนินลดลง นอกจากนี้การใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงกลางคืนยังทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว และยังทำให้นาฬิกาชีวิตเปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เรานอนไม่หลับนั่นเอง!
หลายๆคนอาจ ปิดไฟ เตรียมนอน หยิบโทรศัพท์ แล้วก็จิ้มๆ กดๆ ไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะได้นอน แถมโดนคุณแม่ดุอีก รู้หรือไม่ว่าถ้าเราพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายอ่อนล้า โดยเฉพาะคนที่อยู่ในช่วงของวัยเรียน จะทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียนหนังสือ รู้สึกเหนื่อยง่าย แถมยังทำให้หน้าตาโทรมด้วยนะ ทางที่ดีคือพยายามอย่าเล่นคอมพิวเตอร์จนถึงเวลาดึกมากๆ และอย่าลืมลิมิตเวลาในการใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองกันด้วย ถ้านอนไม่หลับจริงๆ ลองหาหนังสือมาอ่าน.....
การใช้คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ สำหรับยุคสมัยนี้ การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวันทั้งวัน ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เราก็ต้องหาทางดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าลืมสังเกตอาการไม่สบายต่างๆ ของตัวเองกันด้วยนะ....ที่สำคัญคือต้องลิมิตเวลาการใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองโดยเฉพาะ คนที่ยังอยู่ในช่วงของวัยเรียนหนังสือ บางคนติดเกม ติด facebook จนไม่ยอมหลับยอมนอนกันเลยทีเดียว แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ....สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง.... เราต้องรีบดูแลตัวเอง ก่อนที่จะสายเกินไป วันนี้ต้องไปก่อนละน้า....เจอกันใหม่ครั้งหน้า....บ๊ายบายยยย :)
ที่มา : http://www.dek-d.com
และขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล
คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล