12.24.2558

ทราบหรือไม่คะว่า คริสต์มาส มีประวัติความเป็นมาอย่างไร...

แม้ว่าวันคริสต์มาสนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธสักเท่าไร แต่ก็มีคนไทยที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่จำนวนไม่น้อยประวัติคริสต์มาสเป็นมาอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากค่ะ


ตำนานวันคริสต์มาส

คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" ซึ่งพบครั้งแรกในเอกสารโบราณที่เป็นภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038 และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas




เทศกาล Christmas หรือ X'’Mas ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งวันที่ 25 ธันวาคมนั้นเป็นวันประสูติของพระเยซู ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ โดย พระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้ง อาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่าพระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร




           ด้านนักประวัติศาสตร์ก็มีความเห็นที่ต่างออกไปโดยได้วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริย เทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูซึ่งเปรียบเสมือนความสว่างของโลก และเหมือนดวงจันทร์เป็นความสว่างในตอนกลางคืนแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

          เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ "พระเยซู" ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญ แก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม


Cr. hilight.kapook.com/view/18771


-------------------------------------------------------------------------


มอบของขวัญสุดพิเศษเพื่อคนที่คุณรักด้วยสินค้าจาก OSIM


www.osim.com


12.17.2558

อากาศเริ่มเปลี่ยน ดูแลสุขภาพกันดีๆนะคะ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างเปลี่ยนแปลง  อาจทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน  และทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย โรคที่มาพร้อมกับช่วงเวลานี้ ได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่  ปอดบวม   หัด   หัด-เยอรมัน  สุกใส  และอุจจาระร่วง





สาเหตุและอาการ




ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่  เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่าย  เชื้อเข้าสู้ร่างกายทางจมูก ปากและตา  เชื้ออยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยที่ไอ จาม นอกจากนี้ เชื้อยังอาจติดอยู่กับภาชนะ ของใช้  หรือพื้นผิวที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย โรคนี้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในสถานที่ที่มีคนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก




อาการ   คือ จะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอ  จาม  เจ็บหรือแสบคอ อาจมีอาการหนาวสั่นด้วย และสำหรับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ จะมีอาการรุนแรงกว่า คือ  มีไข้สูง   ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย  ถ้าพักผ่อนเพียงพอ และได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี  จะหายจากโรคได้ในเวลา 5-7 วัน  บางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ คออักเสบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น หญิงตั้งครรภ์ โรคอ้วน โรคเรื้อรัง  เช่น หอบหืด ปอดเรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคตับ โรคไต เบาหวาน ฯลฯ  รวมทั้งเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ

การป้องกัน และรักษา

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือคลุกคลีกับผู้ป่วย  รวมทั้งไม่ใช้สิ่งของรวมกับผู้ป่วย เช่น จาน ช้อนส้อม  แก้วน้ำ  ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ  ถ้ามีผู้ป่วยในบ้าน ควรให้ปิดปากด้วยหน้ากากอนามัย  เวลาไอหรือจาม



2. ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ

3. ขณะที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

4. หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายอยู่สม่ำเสมอ    กินอาหารที่มีประโยชน์    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ   พักผ่อนให้เพียงพอ    รักษาร่างกายให้อบอุ่น     และไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น

5. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด ควรนอนพักมากๆ และดื่มน้ำบ่อยๆ ถ้าตัวร้อนมาก กินยาลดไข้ และผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือถ้าอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีอาการไอมากขึ้น แน่นหน้าอก  มีไข้นานเกิน 2 วัน   ควรไปพบแพทย์ทันที




Cr. vibhavadi.com/health471.html


-------------------------------------------------------------------------

ห่วงใยสุขภาพของคนที่คุณรัก ด้วยการมอบของขวัญเพื่อสุขภาพจาก OSIM เนื่องในโอกาสพิเศษเช่นนี้

www.osim.com


12.11.2558

สมุนไพรไทยๆ ช่วยลดไขมันได้ค่ะ

ขึ้นชื่อว่าไขมันแล้ว คงไม่มีใครต้องการให้มาอยู่ในร่างกายมากเกินความต้องการ  เรามีเกร็ดความรู้สำหรับการลดไขมันด้วยสมุนไพรพื้นบ้ายนแบบไทยๆมาฝากกันค่ะ


ดอกคำฝอย  ช่วยลดไขมันในเลือด บำรุงเลือด ขับเหงื่อ และเป็นยาระบาย

กะเพรา  ขับไขมันและน้ำตาล มีฤทธิ์ขับลม ช่วยแก้จุกเสียดแน่นท้อง

ตำลึง  ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงสายตา  ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง



กระเทียม  แก้ความดันโลหิตสูง  ลดไขมัน  โคเรสเตอรอล แก้อาการหวัดและโรคทางเดินอาหาร

กระเจี๊ยบแดง  ลดไขมันในเลือด  ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย



Cr. lovefitt.com


ห่วงใยสุขภาพของคนที่คุณรัก ด้วยการมอบของขวัญเพื่อสุขภาพจาก OSIM เนื่องในโอกาสพิเศษเช่นนี้


-------------------------------------------------------------------------

www.osim.com

12.03.2558

พ่อหลวงของแผ่นดิน


" เราจะครอง แผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม "



พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองราชย์ในปีพุทธศักราช 2489 ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการไว้ว่าดังนี้ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลากว่า60ปีแล้ว ท่านทรงตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างมิเคยเสื่อมคลาย

ตลอดระยะ เวลากว่า60ปีที่ผ่านมา ภาพที่คนไทยทุกคนเห็นอยู่ประจำคือ ท่านทรงงานหนักเพื่อประเทศไทย เพื่อประชาชนชาวไทยมาตลอดเวลา ไม่ว่าจะลำบากเท่าใด จะเป็นสถานที่ที่ทุรกันดารเพียงใด มีความอันตรายแค่ไหน แต่หากเป็นสถานที่ที่ซึ่งมีประชาชนที่ประสบความทุกข์ ความลำบาก ท่านก็ไม่รีรอที่จะเสด็จไปหาประชาชนของท่าน ท่านยอมเหนื่อย ยอมลำบาก เพียงเพราะต้องการให้ประชาชนของท่านได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องลำบาก



แล้ว เราล่ะ? เราเคยทำอะไรให้ท่านมีความสุขบ้าง
พ่อหลวงของ เราทรงทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา ท่านทรงใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ถ้าพวกคุณเคยได้อ่านเกี่ยวกับท่านมาบ้างคงจะรู้ว่าท่านนั้นทรงประหยัดมาก เพียงใด คุณเคยเห็นรูปยาสีพระทนต์ของท่านรึเปล่า? เคยเห็นรูปรถส่วนพระองค์หรือไม่?

พระองค์ท่านทรงห่วงใย ใส่ใจพสกนิกร กว่า ๖๐ ล้านคน อย่างไม่เคยแสดง ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า และ ถ้อถอย ออกมาให้เห็นเลยสักครั้ง



พ่อหลวงของเรา เป็นผู้วางแนวทางต่างๆและความรู้ให้พวกเราชาวไทยมากตลอด และได้เรียนรู้แล้วปฏิบัติตามในแนวทางทางที่ถูกต้องและสุจริต เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ทุกยากและขาดแคน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ เรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องการออม เช่น แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โครงการแก้มลิง โครงการฝนหลวง โครงการกันหันน้ำชัยพัฒนา แล้วยังมีพระราชกรณียกิจอื่นๆ ที่พ่อหลวงของเราได้ทำเอาไว้เพื่อประชาชนชาวไทยทุกคน เพราะฉะนั้นเราควรรักรักหลวงเราให้มากๆ



Cr. http://archive.gameindy.com/forum/20110620/index_t31139.0.html
      http://my1.dek-d.com/meemay_za/diary/
      http://rianbow.wordpress.com


-------------------------------------------------------------------------

www.osim.com

11.25.2558

ใกล้เข้ามาแล้วกับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองให้กับบุคคลที่เราเรียกว่า "พ่อ"





สำหรับผู้ชายที่ลูกๆทุกคนให้การยอมรับว่าเป็น - ฮีโร่ - ของตนนั้นคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นคุณพ่อของเรานั่นเอง ไลฟ์สไตล์ของคู่พ่อลูกอาจจะต่างกันไปหลากหลายแบบ







คุณพ่อของคุณล่ะ มีไลฟ์สไตล์ยังไง


คุณพ่อผู้ทุ่มเท : หากพ่อของคุณต้องรับบทบาทเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำงานหนักเพื่อดูแลสมาชิกใน

บ้านให้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย คอยให้กำลังใจ สั่งสอน ให้คำแนะนำลูกๆ เพื่อให้ลูกๆสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสวยงาม พ่อต้องเสียสละความสุขส่วนตัว สละเวลา เพื่อมอบความอบอุ่นและความใกล้ชิดให้ลูกๆ

ลูกๆทุกคนคงอยากตอบแทนความรักที่พ่อทุ่มเทเพื่อเรา
ลองมองหาเก้าอี้นวดดีๆซักตัวมอบเป็นของขวัญสุดพิเศษให้แก่คุณพ่อของคุณสิคะ





OSIM uDivine X เป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุดค่ะ ด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลายถึง 13 โปรแกรม และมีระบบการสแกนกระดูกสันหลังที่แม่นยำ ทำให้ระบบการนวดแบบ Human 3D Massage ซึ่งเป็นนวัตรกรรมที่มากับ uDivine X สามารถจัดเรียงกระดูกสันหลังให้เข้ารูป อีกทั้งยังช่วยลดแรงกดทับของหมอนรองกระดูกได้ด้วย

รับรองเลยว่า ของขวัญสุดพิเศษชิ้นนี้ จะทำให้คุณพ่อของคุณประทับใจในความเอาใจใส่ต่อสุขภาพของท่านได้อย่างแน่นอน






-------------------------------------------------------------------------

www.osim.com







11.19.2558

วันพ่อแห่งชาติของประเทศต่างๆ

วันพ่อแห่งชาติ ถือเป็นวันสำคัญที่ฉลองถึงความเป็นพ่อ และบุคคลที่เรา
นับถือเยี่ยงพ่อ โดย จอห์น บี. ดอดด์ ชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่ริเริ่มแนวคิด วันพ่อแห่งชาติ

งานวันพ่อแห่งชาติ ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2461 ในโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองแฟร์มอนต์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา


วันพ่อแห่งชาติของแต่ละประเทศจะกำหนดวัน และจัดงานแตกต่างกันไป เช่น



 วันที่ 5 ธันวาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศไทย



         











- วันที่ 19 มีนาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศสเปน โปรตุเกส อิตาลี

- วันที่ 8 พฤษภาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศเกาหลีใต้

- วันที่ 5 มิถุนายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศเดนมาร์ก

- วันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศญี่ปุ่น อาร์เจนตินา ไอร์แลนด์ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร

- วันที่ 23 มิถุนายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศโปแลนด์

- วันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศบราซิล

- วันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

- วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์






















Cr. hilight.kapook.com/view/18055





-------------------------------------------------------------------------

www.osim.com



11.12.2558

5 ผลข้างเคียงร้ายแรงจากสมาร์ทโฟนที่คุณควรทราบ

เมื่อเราพูดถึงสมาร์ทโฟน ต้องยอมรับเลยว่า มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆในการดำรงค์ชีวิตประจำวันไปซะแล้ว  แต่ความทันสมัยของมันก็ส่งผลเสียต่อร่างกายของเรามากมายนะคะ

1. Text Claw และ Smartphone Elbow









          Text Claw  คืออาการเกร็งข้อนิ้วและเจ็บกล้ามเนื้อจากการพิมพ์ข้อความอย่างต่อเนื่องรวมถึงการเล่นเกมจากสมาร์ทโฟนมากเกินไป  อาการนี้อาจทำให้เกิดเอ็นอักเสบได้
          Smartphone Elbow  คืออาการรู้สึกเสียบแปลบหรือชาตามนิ้วก้อยจนถึงข้อศอกเป็นระยะเวลานาน

           หากคุณใช้สมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกเจ็บหรือเมื่อยล้า  ลองยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เหยียดเอวไปด้านหลังประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันแล้วก้มหน้าลง  จากนั้นคลายกล้ามเนื้อข้อมือ  แต่หากอาการเจ็บมีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุด



2. Text Neck












            การก้มหน้ามองมือถือด้วยองศาที่มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งทำร้ายกล้ามเนื้อคอและหลังมากขึ้นเท่านั้น   “Text Neck”  เป็นเพียงวลีของแพทย์ที่ใช้อธิบายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อคอ  ผู้ที่มีอาการปวดหลัง ปวดคอ ส่วนมากจะมีสาเหตุมาจากการก้มโค้งมากกว่าปกติเพราะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์
            การแก้ไขท่าทางของคุณสามารถบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างและการจำกัดการใช้โทรศัพท์สามารถบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามเนื้อคอ  พยายามมองโทรศัพท์ตรงๆในด้านหน้า  หลีกเลี่ยงที่จะมองก้มต่ำ


3. คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม










          การจ้องมองที่ตัวอักษรเล็กๆในสมาร์ทโฟนและหน้าจอคอมพิวเตอร์ สามารถนำไปสู่การปวดตา ตาพร่าวิงเวียนศีรษะ และตาแห้ง รวมถึงมองเห็นภาพซ้อน ปวดกล้ามเนื้อคอและยังสามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวได้อีกด้วย

          หากคุณรู้สึกไม่สบายตา  ลองตั้งค่าขนาดตัวอักษรของโทรศัพท์ใหญ่ขึ้น ในการใช้งานโทรศัพท์ควรพยายามที่จะถือโทรศัพท์ให้ห่างจากใบหน้าอย่างน้อย 16 นิ้ว  และพักสายตาโดยการมองไกลๆจากหน้าจอเป็นช่วงๆ และต้องอย่าลืมกระพริบตาด้วย



4. Nomophobia










          Nomophobia คืออาการหวาดกลัวเมื่อไม่มีโทรศัพท์มือถือ จากการศึกษาคน 1,000 คนในสหราชอาณาจักรพบว่า 66% ของประชากรจะมีอาการวิตกจริตและกังวลเมื่อต้องห่างจากโทรศัพท์ของพวกเขาไม่ว่าเวลาใดก็ตาม หมกมุ่นอยู่กับการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีโทรศัพท์อยู่กับตัวตลอดเวลา  และกังวลเกี่ยวกับการทำมันหาย



5. Phantom Pocket Vibration Syndrome










           ผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มักจะนึกว่าโทรศัพท์ของพวกเขาสั่นแม้ว่าที่จริงมันไม่ได้สั่นก็ตาม  อาการหลอนที่เกิดขึ้นนี้ ขึ้นอยู่กับการติดการได้รับข้อความและการแจ้งเตือนโซเชียลมีเดีย  และมักจะกังวลมากขึ้นเมื่อโทรศัพท์ของพวกเขาไม่ได้สั่นจริงๆ

           วิธีที่ดีที่สุดที่จะตรวจสอบว่าคุณเกิดอาการเสพติดนี้หรือไม่  ลองปิดฟังก์ชั่นการสั่นสะเทือนและมุ่งมั่นที่จะการตรวจสอบโทรศัพท์ของคุณในช่วงเวลาที่กำหนด  หรือไม่ก็ลองนำโทรศัพท์ไปใส่ไว้ในกระเป๋าถือของคุณแทน  และพยายามที่จะต่อต้านอาการอยากตรวจสอบกระเป๋าของคุณทุกห้านาที


Cr. http://www.wired.com
      http://www.healthydeejung.com


-------------------------------------------------------------------------

OSIM uMagic : World’s 1st Magic Hands Massage Technology

uMagic เก้าอี้นวดชั้นยอดที่จะทำให้คุณและสมาชิกในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับ
โปรแกรมการนวดล่าสุดจาก OSIM - Magic Hands Massages - 
คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเสมือนว่าถูกนวดจากมือคนจริงๆ

Click - Here - For Information


11.06.2558

9 โรคติดตัวของ "มนุษย์ติดจอ"

สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว แม้ว่ามันจะช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้นแต่ก็ต้องรู้จักการอยู่กับสิ่งเหล่านี้ให้ปลอดภัย การที่เราก้มๆ เงยๆ กับสิ่งเหล่านี้มากๆ สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย


1. โรคก้มกด
นำไปสู่อาการปวดคอเรื้อรัง มีอาการปวดบ่าไหล่ไปถึงหลังได้ ซึ่งเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์กระดูกคอที่นิวยอร์กชี้ว่าโรคก้มกด (Text neck) กำลังระบาด เป็นอาการของคนยุคใหม่ที่ก้มคอไปข้างหน้าแต่ละนิ้วแต่ละเซ็นติเมตรมีผลทั้งสิ้น ให้คิดง่ายๆ ว่ายิ่งก้มกดนานก็ยิ่งทำร้ายกระดูกและกล้ามเนื้อที่ละเอียดอ่อนรอบคอ



2. กระดูกคอเสื่อม
การก้มดูหน้าจอนานและบ่อยมีผลให้น้ำหนักกดกระดูกต้นคอทั้ง 7 ชิ้นจนเกิดภาวะเสื่อมก่อนวัยได้เพราะชีวิตที่ต้องก้มกดนานทำให้คอต้องรับน้ำหนักพอๆ กับมีเด็กน้ำหนัก 30 กก.มาขี่คอตลอดเวลา แต่หากไม่นานมาก็ไม่ส่งผล

3. โรคเพลียตา
อาการตาล้ารวมถึงตาแห้งอาจเกิดได้ มีสัญญานคือล้า ปวดรอบกระบอกตา เพลียตาคล้ายตาจะปิด มีอาการนานเข้าทำให้ปวดศีรษะได้ด้วย ขอให้ช่วยพักตาเป็นระยะด้วยการเบรกการใช้หน้าจอบ้าง รวมถึงการติดแผ่นกันแสงสะท้อน (Anti-glare) ถือเป็นการช่วยล้างพิษดิจิตอล (Digital detox) ไปในตัว

4. นอนไม่หลับ
แสงหน้าจอโดยเฉพาะในแสงแถบสีฟ้าที่ท่านอาจมองไม่เห็นแต่มันเป็นแถบสีหนึ่งที่รวมอยู่ในแสงสว่างจากจอที่พุ่งเข้ากระทบตาท่านผ่านไปถึงสมอง จึงไม่ควรใช้บ่อยเกินไปโดยเฉพาะในเวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อน มีการศึกษาเรื่องนี้ในระดับลึกจนพบว่าแสงสว่างมีผลกดการสร้างเคมีนิทราในสมองมีผลทำให้สุขภาพแย่ลง


5. ท้องผูก
เป็นผลทางอ้อมจากความเครียด นั่งนาน ยืนนานจากการจดจ่ออยู่กับหน้าจอเป็นเวลานาน ภาวะนี้อาจเกิดได้กับมนุษย์หน้าจอที่ไม่ลุกขยับกายส่วนใดเลยนอกจากมือบนหน้าจอ ทำให้ลำไส้ไม่ขยับจนมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายจนทำให้ท้องผูกได้ ในหลายคนเมื่อถ่ายลำบากบ่อยก็เป็น "ริดสีดวง" เสริมมาด้วย

6. ปวดศีรษะ
เกิดได้จากผลกระทบหลายจุดของหน้าจอ เช่น จากแสงการเพ่งนาน ความเครียดจากการเล่นเกมส์ แชทโต้ตอบหรือเล่นโซเชียลมีเดียอย่างจริงจัง ซึ่งเรื่องนี้ตีพิมพ์ในวารสารชื่อดังอย่าง Journal of Vision มีการศึกษาหลายชิ้นพบว่าแสงสว่างจ้าและการกะพริบไม่นิ่งของแสงกระตุ้นปวดหัวให้หนักขึ้นรวมถึงไมเกรนได้

7. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ท่านที่เอาแต่สนใจหน้าจอจนลืมสนใจอาการปวดตามธรรมชาติ เมื่อกระเพาะปัสสาวะส่งสัญญาณให้เข้าห้องน้ำแต่กลับเลือกที่จะจดจ่ออยู่หน้าจอจนลืมทุกอย่าง เมื่อต้องอั้นบ่อยเข้าก็มีส่วนทำให้เกิดอาการปัสสาวะขัดจนถึงอักเสบได้เหมือนกัน



8. ปวดหลัง
อาการปวดนี้เกิดได้ในท่านที่อยู่กับหน้าจอได้ทั้งแบบที่ก้มกดและนั่งหน้าจอ เพราะอาชีพที่ทำงานจำเป็นต้องอยู่ชิดใกล้กับหน้าจอวันละหลายชั่วโมง ซึ่งท่านั่งนั้นมีส่วนเราจึงควรจัดอิริยาบถให้เหมาะสม





9. อุบัติเหตุ
มือถือและหน้าจอที่สะกดจิตให้เอาแต่ก้มดูจนลืมมองรอบตัว ส่วนที่หูก็มีที่ฟังเสียบอยู่จนไม่ได้ยินสรรพเสียงขณะข้ามถนนหรือขับรถ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรืออาจเป็นมฤตยูคร่าชีวิตได้


แม้ว่าเราจะหลีกเลี่ยงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ยาก แต่ก็ควรใช้อย่างเหมาะสมและรักษาสุขภาพเพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน





Cr: http://www.pptvthailand.com/news/13447



-------------------------------------------------------------------------

OSIM uMagic : World’s 1st Magic Hands Massage Technology

uMagic เก้าอี้นวดชั้นยอดที่จะทำให้คุณและสมาชิกในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับ
โปรแกรมการนวดล่าสุดจาก OSIM - Magic Hands Massages - 
คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเสมือนว่าถูกนวดจากมือคนจริงๆ

Click - Here - For Information

10.30.2558

สังคมก้มหน้า:ภัยเงียบที่นำมาซึ่งอันตรายต่างๆมากมาย

ปัจจุบันสังคมออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จากในอดีตที่มีการใช้เพียงเพื่อโทรศัพท์หรือเช็กอีเมล ก็มีการเพิ่มระยะเวลาในการใช้งานนานมากขึ้น บางคนใช้งานเกือบตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าถึงเข้านอน มิหนำซ้ำยังวางไว้ข้างตัวขณะนอนหลับอีกด้วย จนเกือบเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายที่ขาดไม่ได้





การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบประสาทและกระดูกต้นคอ เมื่อใช้ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้ โดยอาการผิดปกติที่พบได้บ่อยในกลุ่มคน "สังคมก้มหน้า" มีมากมายหลายอาการเช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ อีทั้งยังทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ด้วย




การก้มหน้าเป็นระยะเวลานานนั้น ยังส่งผลต่อกระดูกต้นคอ ทำให้กระดูกต้นคอเกิดการรับน้ำหนักมากกว่าปกติถึง 6 เท่า เกิดภาวะกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย อาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทได้ การเกิดกระดูกต้นคอเสื่อมนั้นถ้าไปกดทับเส้นประสาทสมองระดับที่ 1-4  อาจเกิดอาการปวดศีรษะที่บริเวณท้ายทอย, ด้านข้างศีรษะ, ขมับ, กระบอกตา, หน้าผาก รวมถึงกลางกระหม่อมได้ ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกโรคนี้ว่า "โรคปวดศีรษะจากความผิดปกติของคอ"




ขณะที่เราใช้งานสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์อยู่ แสงที่ออกมาจากหน้าจอหรือแสงสะท้อนจากหน้าจอยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบเฉียบพลันขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว รวมทั้งกล้ามเนื้อที่มีอาการเกร็งปวดบริเวณคอและศีรษะ ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบรุนแรงเฉียบพลันได้อีกด้วย






"พฤติกรรมติดสังคมก้มหน้า” สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลายชนิด ซึ่งบางชนิดอาจมีความรุนแรงจนถึงขั้นต้องรักษาโดยการผ่าตัด ดังนั้นการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสม จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ ส่วนในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะจากการใช้งานสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์แล้ว อาจพิจารณาให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการอย่างเหมาะสมต่อไป


Cr.  health.kapook.com/view126202.html


-------------------------------------------------------------------------

OSIM uMagic : World’s 1st Magic Hands Massage Technology

uMagic เก้าอี้นวดชั้นยอดที่จะทำให้คุณและสมาชิกในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับ
โปรแกรมการนวดล่าสุดจาก OSIM - Magic Hands Massages - 
คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเสมือนว่าถูกนวดจากมือคนจริงๆ

Click - Here - For Information









10.22.2558

5 ท่าบริหารสำหรับบรรเทาการปวดคอและหลัง

"ปัญหาไหล่ห่อคอตก" เป็นปัญหาหลักๆที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือแม้แต่ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานได้เช่นกัน



วันนี้เรามีวิธีบริหารคอและไหล่ง่ายๆมาฝากค่ะ 


ท่าที่ 1 : ยืนตรงยกไหล่ขึ้น-ลง ท่านี้ให้ยืนตรงปล่อยแขนลงข้างตัว สบาย ๆ แล้วให้ยกไหล่ขึ้น-ลง ประมาณ 10 ครั้ง โดยเมื่อยกขึ้นให้ค้างไว้นับ 1-5 แล้วปล่อยลง ก่อนจะยกขึ้นใหม่



ท่าที่ 2 : กางแขน พลิกมือสองข้างไปมา ให้ยืนตรงหลังตรง กางแขนสองข้างออกเหมือนท่าบิน แล้วให้พลิกข้อมือโบกมือสองข้างมาข้างหน้า-ไปข้างหลัง นับลมหายใจให้ได้ 5 ครั้ง



ท่าที่ 3 : ปิรามิด ให้เหยียดขาข้างหนึ่งไปข้างหลัง อ้อมแขนทั้งสองข้างไปจับกันด้านหลัง ก้มตัวลง ขาเหยียดตรง สะโพกต้องเป็นมุม นับลมหายใจเข้าออก 3 ครั้ง แล้วเหยียดตัวขึ้น ทำอีกข้าง



ท่าที่ 4 : ย่อเข่าหลังตรง คล้าย ๆ กำลังเตรียมกระโดดลงสระว่ายน้ำ ให้เหยียดแขนไปข้างหน้าขนานกับพื้น ย่อเข่าลงแต่อย่าให้เกิน 90 องศา และให้หัวเข่ายื่นเลยปลายเท้าออกไป นับ 1-2 เหยียดตัวขึ้นแล้วทำซ้ำ 3 ครั้ง



ท่าที่ 5 : เหยียดลำตัวด้านข้าง ให้ยืนตรงแยกขาเท่ากับความกว้างของไหล่ ยกแขนข้างหนึ่งงอข้อศอกจับด้านข้างศีรษะแล้วผลักให้เอนไปอีกด้านจนรู้สึกว่าลำตัวตึง นับ 1-5 แล้วเปลี่ยนมาทำอีกข้าง



ทั้ง 5 ท่าใช้เวลาวันละ 15 นาทีเท่านั้น นอกจากจะช่วยคลายอาการปวดเมื่อยได้แล้ว ยังช่วยให้คุณมีบุคลิกภาพสวย สง่าขึ้น อาการไหล่ห่อคอตกก็จะหายไป..


Cr.  bedtaledidea.blogspot.com/2015/09/5-15.html


-------------------------------------------------------------------------

OSIM uMagic : World’s 1st Magic Hands Massage Technology

uMagic เก้าอี้นวดชั้นยอดที่จะทำให้คุณและสมาชิกในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับ
โปรแกรมการนวดล่าสุดจาก OSIM - Magic Hands Massages - 
คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเสมือนว่าถูกนวดจากมือคนจริงๆ

Click - Here - For Information

10.15.2558

อาการปวดต้นคอป้องกันได้ ทำยังไงไปอ่านกันค่ะ




         อาการปวดคอมักเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ โดยอาจเกิดจากการกดทับเส้นประสาทและไขสันหลัง หรือการถูกกดทับนาน ๆ จากท่วงท่าชีวิตประจำวันที่ไม่ถูกต้อง  โดยเฉพาะคนทำงาน ถ้านั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องก็ทำให้เกิดการปวดคอได้ เช่น คนที่นั่งก้มหน้า หรือเงยคอนาน ๆ





         หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีอาการปวดคอบ่อย ๆ ลองทำตามข้อแนะนำเหล่านี้ดูนะคะ 

         1.  อย่ารีบร้อนลุกจากเตียงนอน หรือเก้าอี้ทันทีทันใด ควรปล่อยให้ไขข้อได้อุ่นเครื่องก่อน

         2.  ควรปรับจอคอมพิวเตอร์ให้ด้านบนของจออยู่ในระดับสายตา หากคุณพิมพ์ระบบสัมผัสได้จะดีเยี่ยม เพราะจะได้ไม่ต้องก้มมองแป้นพิมพ์บ่อย ๆ

         3.  หากคุณคุยโทรศัพท์มือถือควรจะสลับข้างกัน และอย่าใช้วิธีหนีบโทรศัพท์ที่คอเด็ดขาด



         4.  ควรนั่งหลังตรงขณะขับรถ หรือกำลังนั่งทำงาน

         5.   หลีกเลี่ยงการใช้ประเป๋าสะพายที่หนักข้างเดียว ควรใช้เป้หลังแทน

         6.  เวลานอนให้ใช้หมอนรองคอโดยเฉพาะ หรือใช้ผ้าขนหนูพับสอดไว้

         7.  ลองใช้น้ำแข็งมากดนวดบำบัดเวลาปวด หรือใช้กระเป๋าน้ำร้อนก็ได้

         8.  ใช้ท่วงท่าในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการก้มหรือเงยคอนาน ๆ



          ที่สำคัญ หากจำเป็นต้องใช้ยาแก้อักเสบหรือยาคลายกล้ามเนื้อ ต้องเลือกยาที่เหมาะสมและระวังฤทธิ์ข้างเคียงของยา และควรปรึกษาแพทย์ด้วยจะดีที่สุดค่ะ




Cr.  http://health.kapook.com/view54351.html
       http://archive.wunjun.com/bkkbroiler/4/150.html


-------------------------------------------------------------------------

OSIM uMagic : World’s 1st Magic Hands Massage Technology

uMagic เก้าอี้นวดชั้นยอดที่จะทำให้คุณและสมาชิกในครอบครัวเพลิดเพลินไปกับ
โปรแกรมการนวดล่าสุดจาก OSIM - Magic Hands Massages - 
คุณจะรู้สึกผ่อนคลายเสมือนว่าถูกนวดจากมือคนจริงๆ

Click - Here - For Information

10.09.2558

ปวดต้นคอไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่าทำเป็นเล่นไปนะคะ

อาการปวดต้นคอเป็นอาการที่พบบ่อย ปวดต้นคออาจะมีสาเหตุจากกล้ามเนื้ออักเสบเนื่องจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม หรืออาจจะมีสาเหตุจากกระดูกคอเสื่อมก็เป็นได้


คอเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีการใช้มากที่สุด ยิ่งการทำงานในยุคปัจจุบัน คนต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ต้องก้มหน้าเงยหน้าอยู่ตลอด จึงเกิดอาการปวดคอ และปวดศีรษะ นอกจากนั้นคอเป็นอวัยวะที่บอบบางเมื่อเทียบกับขนาดสมอง และลำตัว ให้เกิดความชอกช้ำหรือบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนั้นคอก็ยังเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทที่รับคำสั่งจากสมอง ไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย อาการเจ็บคอพบได้ไม่บ่อยเท่าอาการปวดหลัง อาการเจ็บคอที่พบบ่อยที่สุดคือ กล้ามเนื้อคอหดเกร็งทำให้เอี้ยวคอหรือเคลื่อนไหวศีรษะไม่ได้




สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย



1. อิริยาบทหรือท่าที่ผิดสุขลักษณะ ทำให้กล้ามเนื้อบางมัดถูกใช้งานจนเมื่อยล้าเกินไป เช่นก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือมากจนเกินไป

2. ความเครียดทางจิตใจซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นการงาน ครอบครัว การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง


3. คอเคล็ดหรือยอก เกิดจากการที่กล้ามเนื้อคอต้องทำงานมากเกินไป เนื่องจากคอต้องเคลื่อนไหวเร็วเกินไป หรือรุนแรงเกินไปทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อถูกยืดมากจนมีการฉีกขาดบางส่วนจนเกิดอาการปวด ตัวอย่างที่ทำให้เกิดคอเคล็ดเช่น การก้มเพื่อมองหาของ

4. ภาวะข้อเสื่อม เนื่องจากกระดูกคอต้องแบกน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนแก่ ทำให้ข้อเสื่อมตามอายุมีปุ่มกระดูกหรือกระดูกงอกที่ขอบของข้อต่อ ซึ่งอาจจะไปกดทับถูกปลายประสาทที่โผล่ออกมา ภาวะข้อกระดูกเสื่อมอาจจะไม่มีอาการปวดหรือผิดปกติใดๆ แต่อาจจะพบโดยบังเอิญ

5. อาการบาดเจ็บของกระดูกคอซึ่งอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ ผู้ป่วยมักจะมีอาการบาดเจ็บของร่างกายส่วนอื่นด้วย

6. ข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบเรื้อรังบางชนิดอาจจะทำให้กระดูกต้นคออักเสบด้วย




Cr. http://www.siamhealth.net/



-------------------------------------------------------------------------


OSIM uMagic : World’s 1st Magic Hands Massage Technology

Click - Here - For Information